ตะ. โครงการ “Workplace Power Harassment 119” ได้รับการมอบหมายให้กับ Global Research ซึ่งเป็นองค์กรสำรวจความคิดเห็นสาธารณะ และได้ทำการสำรวจพนักงานบริษัทจำนวน 1,000 คนที่มีอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 11 ธันวาคมของปีที่แล้ว โดยสอบถามเกี่ยวกับสถานะของการกลั่นแกล้งในที่ทำงานในปัจจุบัน
วันที่ 9 ได้มีการเปิดเผยผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ จากผลสำรวจพบว่าพนักงานร้อยละ 35.9 กล่าวว่าตนเคยถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงานในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30.5 ในไตรมาสแรกของปีก่อน
%) เพิ่มขึ้น 5.4% พบว่าพนักงานที่ไม่ใช่พนักงานประจำ (41.3%) มีแนวโน้มที่จะถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงานมากกว่าพนักงานประจำ (32.3%) และพนักงานที่ไม่ใช่พนักงานธุรการ (39.4%) มีแนวโน้มที่จะถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงานมากกว่าพนักงานธุรการ (32.4%)
ได้ถูกวิเคราะห์แล้ว เมื่อจำแนกตามประเภท การดูหมิ่นและใส่ร้ายเป็นกรณีที่พบบ่อยที่สุดที่ 23.5% รองลงมาคือการสั่งสอนที่ไม่ยุติธรรมที่ 19.6% และการทำร้ายร่างกายและการใช้คำพูดที่หยาบคายที่ 19.1%
เมื่อถามว่าพวกเขาจัดการกับการกลั่นแกล้งในที่ทำงานอย่างไร ผู้ตอบแบบสอบถาม 51.3% กล่าวว่าพวกเขา "อดทนต่อมันหรือแกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น" ในขณะที่ส่วนที่เหลือกล่าวว่าพวกเขา "ไม่ต้องการ"
จำนวนผู้ตอบว่า “ฉันลาออกจากงาน” มีจำนวนถึง 23.7% นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 30.1 ระบุว่าตนเคยประท้วงเป็นรายบุคคลหรือกับเพื่อนร่วมงาน ร้อยละ 12.8 รายงานเรื่องดังกล่าวต่อบริษัทหรือสหภาพแรงงาน และร้อยละ 5.2 รายงานเรื่องดังกล่าวต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- มันเป็น 0%. ร้อยละของผู้ที่กล่าวว่าการกลั่นแกล้งในที่ทำงานเป็นเรื่องร้ายแรงเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 46.6 ในไตรมาสแรกของปีที่แล้วเป็นร้อยละ 54.0 ในขณะที่ร้อยละของผู้ที่กล่าวว่าตนเคยคิดฆ่าตัวตายหรือเสียชีวิตเนื่องจากการกลั่นแกล้งในที่ทำงานเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์
เพิ่มขึ้นจาก 5.7% เป็น 22.8% ตามลำดับ คิม ยู-กยอง ทนายความด้านแรงงานจาก Workplace Power Harassment 119 กล่าวว่า "จำนวนเหยื่อที่คิดฆ่าตัวตายหรือถึงขั้นเสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และการรายงานรวมถึงมาตรการที่ดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสม"
ที่น่าสังเกตคือสิ่งนี้ไม่ได้ถูกทำขึ้น”
2025/02/10 12:07 KST
Copyrights(C) Herald wowkorea.jp 85