เมื่อวันที่ 24 อดีตพนักงาน ADOR A ซึ่งยื่นคำร้องต่อมินฮีจินที่สำนักงานแรงงาน ได้โพสต์แถลงการณ์บนโซเชียลมีเดียว่า "ผมขอโทษสำหรับการกลั่นแกล้ง (ความรุนแรง) ในที่ทำงานที่เกิดจากมินฮีจิน"
“บริษัทระบุว่าการกระทำของตน (เช่น การแสดงความคิดเห็น) ได้รับการยอมรับและมีการปรับเงิน” นอกจากนี้ สหภาพแรงงานยังได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาการแทรกแซงอย่างไม่เป็นธรรมของอดีตประธานมินในคดีล่วงละเมิดทางเพศของรองประธานซึ่งเป็นแกนหลักของคดีอีกด้วย
หน่วยงานถือว่านี่เป็นการละเมิดพันธกรณีในการดำเนินการสืบสวนอย่างเป็นกลาง นายเอ กล่าวว่า “สัดส่วนของกรณีที่การกลั่นแกล้งในที่ทำงานถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายมีเพียงร้อยละ 12 เท่านั้น และค่าปรับที่มากกว่าการตักเตือนธรรมดาถือเป็นการลงโทษที่สูงมาก”
นายเอ ยังได้กล่าวกับอดีต CEO มินว่า "ผมให้โอกาสคุณถึง 4 ครั้งในการขอโทษเพื่อที่คุณจะได้ทำทั้งหมดนี้ให้เสร็จสิ้น แต่แทนที่จะขอโทษ คุณกลับฟ้องร้องผม คำขอโทษไม่จำเป็นอีกต่อไป กระบวนการทางแพ่งที่เหลืออยู่
“เหล่านักสืบก็จะตอบสนองอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน” อย่างไรก็ตาม ในกรณีของรองประธานาธิบดี ศาลยอมรับว่ามีพฤติกรรมกลั่นแกล้งในที่ทำงาน แต่ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายอดีตส.ส.มินแสดงความไม่พอใจ อดีตผู้แทนมิน
ทนายความกล่าวในแถลงการณ์ต่อนิตยสาร Monthly Chosun ว่า “ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับคำพูดที่ถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งในที่ทำงานนั้นถูกรับรู้อย่างไม่ถูกต้อง และได้รับการยืนยันว่ามีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักกฎหมายของพระราชบัญญัติมาตรฐานแรงงานเกี่ยวกับภาระผูกพันในการสืบสวนการกลั่นแกล้งในที่ทำงานอย่างเป็นกลาง”
“มันถูกเปิดเผยแล้ว” เขากล่าว เขากล่าวต่อว่า “เราวางแผนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนการอุทธรณ์อย่างเป็นทางการ” และกล่าวเสริมว่า “การกำหนดค่าปรับต่ออดีต CEO นายมิน และบริษัท ADOR Co., Ltd. ยังไม่เสร็จสิ้น”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานบางฉบับระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวเหมือนกับว่าการยุติการดำเนินการทางปกครองได้เสร็จสิ้นแล้ว ในทางกลับกัน อดีต CEO มิน เคยยื่นเรื่องร้องเรียนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศต่อนางสาว A ในระหว่างที่เธอทำงานอยู่ที่ ADOR
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกลับถูกสงสัยว่าเข้าแทรกแซงอย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงการพยายามปกปิดเรื่องดังกล่าว
2025/03/25 10:48 KST
Copyrights(C) Herald wowkorea.jp 5